คุณถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคไขมันพอกตับ โรคตับแข็ง หรือโรคตับอักเสบ แล้วยังปล่อยทิ้งไว้อยู่หรือไม่?
อย่างไรก็ตาม โรคที่เกี่ยวกับตับนั้นไม่ค่อยแสดงอาการ และตอนที่มีอาการมักแปลว่าโรคดำเนินไปหนักแล้ว การรักษาจึงเป็นเส้นทางที่ยากลำบาก
ก่อนอื่น เรามาพูดถึงการทำงานของตับกันดีกว่า
1.เมตาบอลิซึม
2.การกำจัด/สลายสารพิษ
3.การสร้างและหลั่งน้ำดี
นอกจากนี้ น้ำดียังจำเป็นต่อการขับคอเลสเตอรอลออกจากร่างกายด้วย
โรคไขมันพอกตับ คืออะไร
หากปล่อย “โรคไขมันพอกตับ” ทิ้งไว้มีโอกาสทำให้เกิดโรคที่ร้ายแรงต่าง ๆ เช่น การทำงานของตับที่แย่ลง, โรคตับแข็ง, มะเร็งตับและทำให้ภาวะหลอดเลือดแข็งดำเนินหนักขึ้นอีกด้วย
นอกจากนี้ สำหรับผู้ที่มีโรคเบาหวาน กล่าวกันว่าการทำงานของตับที่แย่ลงทำให้โรคเบาหวานอาการหนักขึ้นได้อีกด้วย การโรคไขมันพอกตับดำเนินไปจนกลายเป็นโรคตับแข็ง ในปัจจุบันยังไม่มีวิธีการรักษา และมีอัตราการเสียชีวิตที่สูงด้วย ให้นึกไว้ว่าการที่เป็นโรคไขมันพอกตับ คือการที่ร่างกายส่งสัญญาณเตือนจากไฟเขียวกลายเป็นไฟเหลืองผู้ป่วยต้องมีความตระหนักว่า โรคนี้เป็นโรคที่น่ากลัว ต้องไม่ปล่อยทิ้งไว้และต้องรับมืออย่างรวดเร็ว
ถึงจะไม่มีอาการที่รู้สึกได้ด้วยตัวเอง แต่ก็ยังเป็นโรคที่น่ากลัวมาก และต้องรับการรักษาอย่างรวดเร็ว
ชาย 40% เป็นโรคไขมันพอกตับคนที่ผอม ก็เป็นโรคไขมันพอกตับได้
นอกจากนี้แล้ว การดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไปจะทำให้เกิดการสังเคราะห์ไตรกลีเซอไรด์ได้ง่ายขึ้น ตอนที่ตับจะสลายแอลกอฮอล์
นอกจากนี้ คนที่เป็นโรคอ้วนจะมีอัตราการเผาผลาญกรดไขมันที่ตับต่ำ ทำให้ไตรกลีเซอไรด์สะสมมากขึ้นอีก แล้วก็มีปรากฏการณ์ที่น่าประหลาดใจอีกว่า การลดน้ำหนักที่กะทันหันจะทำให้เกิดภาวะขาดสารอาหาร และทำให้เกิดสภาพที่เรียกว่า “โรคไขมันพอกตับจากภาวะขาดสารอาหาร”ได้อีกด้วย
ปกติ
ขั้นตอนการดำเนินโรคของโรคไขมันพอกตับ
ความเสี่ยงการดำเนินโรคของโรคไขมันพอกตับ
คุณกำลังโล่งใจเพราะว่าคุณไม่ดื่มแอลกอฮอล์หรือเปล่า?
“โรคไขมันพอกตับที่ไม่ได้มาจากแอลกอฮอล์” นี้มักจะถูกละเลย และบ่อยครั้งที่อาการดำเนินไปหนักแล้วในตอนที่รู้ตัวอีกครั้ง
สามารถคาดหวังผลการรักษา
หากท่านเข้าได้กับอาการเหล่านี้ เราแนะนำให้ลองตรวจเลือดดูสักครั้งค่ามาตรฐานของ ALT(GTP) ที่แสดงการทำงานของตับคือไม่เกิน 30(IU/L)แต่ถ้าเกิน 20 (IU/L) แสดงว่าอาจอยู่ในภาวะก่อนการเป็นโรคไขมันพอกตับ
นอกจากนี้ “ภาวะดื้ออินซูลิน”
ตับมีหน้าที่รักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ โดยการเก็บกลูโคสในเลือดที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วหลังรับประทานอาหาร นอกจากนี้แล้ว ตับยังส่งสารอาหารที่จำเป็นสำหรับการสร้างอินซูลินให้กับตับอ่อนอีกด้วย
ดังนั้น หากการทำงานของตับถูกรบกวนจากการกินมากเกินไป การดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป หรือโรคตับอักเสบจากไวรัสจะทำให้อาการของเบาหวานถูกกระตุ้นง่ายขึ้นการทำงานของตับจะแย่ลงง่ายในผู้ป่วยโรคเบาหวาน และมีโอกาสเป็นโรคตับจากอาการแทรกซ้อนได้
กลไกที่ทำให้โรคเบาหวานแย่ลงจากโรคไขมันพอกตับ
STEP01 สภาพปกติ
STEP02 การทำงานของตับแย่ลง ~ โรคไขมันพอกตับ
STEP03 โรคเบาหวานแย่ลง
สิ่งที่จะทำให้ตับอ่อนเหนื่อยล้า และทำให้ไม่สามารถทำงานได้อย่างปกติ ตับอ่อนที่ไม่สามารถทำงานได้อย่างปกติ จะไม่สามารถหลั่งอินซูลินในปริมาณที่จำเป็นได้ จึงทำให้โรคเบาหวานกำเริบหนักขึ้น
ดังนั้น การปล่อยโรคไขมันพอกตับหรือความผิดปกติของตับทิ้งไว้ นอกจากจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคตับแข็งหรือมะเร็งตับแล้ว ยังมีโอกาสทำให้โรคเบาหวานแย่ลง และเพิ่มความเสี่ยงการเป็นโรคหลอดเลือดสมองอีกด้วย กรุณาตระหนักถึงเรื่องนี้ไว้ให้ดี
สิ่งที่สำคัญคือ การรับมือไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ นี่เอง
เกี่ยวกับโรคตับอักเสบ
หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการรักษา มีโอกาสที่โรคจะดำเนินหนักขึ้นจนกลายเป็นโรคตับแข็งหรือมะเร็งตับได้
โรคตับ มีการดำเนินโรคอย่างไร?
สาเหตุ
หลังจากช่วงยุคปี 1980 มีการค้นพบว่าในผู้ป่วยโรคไขมันพอกตับ จะมีบางส่วนที่การสร้างพังผืดในตับ (การที่ตับแข็งขึ้น) ดำเนินหนักขึ้นจนเข้าสู่ภาวะตับอักเสบเรื้อรัง (ตับอักเสบจากโรคไขมันพอกตับ) และอาจกลายเป็นโรคตับแข็งหรือมะเร็งตับในเวลาต่อมาได้
หากคุณปล่อยโรคไขมันพอกตับทิ้งไว้ โรคอาจจะดำเนินไปเป็นโรคตับแข็งโดยไม่รู้ตัว และอาจจะพบมะเร็งตับในตอนที่รู้ตัวอีกครั้งก็ได้นั่นเอง
ถ้าหากเป็นโรคตับแข็งจะเป็นอย่างไร?
หากปล่อยสภาพตับอักเสบจนเรื้อรัง จะทำให้การสร้างพังผืดที่ตับดำเนินมากขึ้น พังผืดจะเพิ่มมากขึ้น จนทำให้ตับมีลักษณะแข็ง เรียกว่า โรคตับแข็ง
การเกิดพังผืดและโรคตับแข็ง เป็นโรคที่แม้แต่อวัยวะที่ฟื้นตัวเองได้อย่างตับก็ไม่สามารถแก้ไขให้เป็นเหมือนเดิมได้ เป็นโรคที่น่ากลัวมาก
ในระยะแรก จะมีอาการเบื่ออาหารและรู้สึกเหนื่อยตามร่างกาย แต่ถ้าอาการเริ่มหนักขึ้น จะเริ่มมีอาการที่เรียกว่า ดีซ่าน ซึ่งจะทำให้ผิวและตาขาวมีสีเหลือง อาการนี้เกิดจากการที่ บิลิรูบิน ซึ่งเป็นสารสีเหลือง ไม่ถูกสลายที่ตับ
ถ้าโรคดำเนินต่อไปอีก อาจมีน้ำสะสมในช่องท้องหรือเกิดอาการบวม หรืออาจเกิดเส้นเลือดขอดบริเวณท้องได้ ซึ่งเป็นสภาพที่อันตรายถึงชีวิต
นอกจากนี้ ยังมีโอกาสที่จะดำเนินโรคไปเป็นมะเร็งเซลล์ตับเพิ่มขึ้นด้วย
วิธีการรักษาโรคตับโดยทั่วไป
เนื่องจากโรคนี้มักจะไม่มีอาการที่สังเกตได้ด้วยตัวเอง จึงมักจะถูกปล่อยทิ้งไว้ด้วย
โรคตับแข็งก็ไม่มีวิธีการรักษาที่ต้นเหตุเช่นกัน และจะรักษาโดยการควบคุมอาหาร เพื่อไม่ให้อาการโรคตับแข็งดำเนินไปมากกว่านี้ แพมย์อาจมีการสั่งยาเพื่อรับมือกับสาเหตุ (เช่น การให้ยาต้านไวรัสสำหรับโรคตับอักเสบจากไวรัส) แต่ตัวโรคตับแข็งเองจะค่อย ๆ ดำเนินหนักขึ้นเรื่อย ๆ
ในกรณีของโรคมะเร็ง อาจรักษาได้ด้วยการผ่าตัด แต่ตัวโรคตับอักเสบหรือโรคตับแข็งเองจะไม่ได้หายจากการผ่าตัด
กล่าวโดยสรุปก็คือ ในการรักษาด้วยสิทธิการรักษาในปัจจุบัน ยังไม่สามารถรักษาโรคไขมันพอกตับและโรคตับแข็งจากต้นเหตุได้ถ้าโรคไขมันพอกตับและโรคตับอักเสบ ดำเนินโรคจนกลายเป็นโรคตับแข็งหรือมะเร็งตับ จะทำให้การใช้ชีวิตประจำวันลำบาก และในกรณีที่เลวร้ายที่สุด อาจถึงแก่ชีวิตได้
เวชศาสตร์ฟื้นสภาพสำหรับโรคตับที่คลินิกของเรา
เราจะทำการเพาะเลี้ยงสเต็มเซลล์ เพื่อเพิ่มจำนวนให้เป็นหลายพัน-หลายหมื่นเท่า และฉีดกลับเข้าสู่ร่างกายเพื่อ “เรียกคืน” การทำงานของตับที่ปกติ
การฉีดสเต็มเซลล์ทางหลอดเลือดดำ
อาการดีขึ้นจากการฉีดสเต็มเซลล์ทางหลอดเลือดดำ
เวชศาสตร์ฟื้นสภาพสำหรับโรคตับ ผลที่คาดว่าจะได้รับ
สเต็มเซลล์ 100 ล้านเซลล์ที่ถูกฉีดใน “เวชศาสตร์ฟื้นสภาพตับ” จะหาเนื้อเยื่อส่วนที่เกิดการอักเสบหรือเกิดพังผืดจนแข็ง และทำการสลาย/ซ่อมแซม เพื่อทำให้เกิดความเป็นไปได้ที่การทำงานของตับจะกลับมาปกติเหมือนเดิม
นอกจากนี้ สำหรับโรคไขมันพอกตับ เราสามารถคาดหวังผลการฟื้นฟูตับที่อ่อนแอจากไขมันสะสม และการที่สเต็มเซลล์วิ่งผ่านหลอดเลือด จะมีผลทำให้การหมุนเวียนของเลือดดีขึ้น และคาดหวังการบรรเทาอาการเหนื่อยง่ายได้ด้วย
ถ้าตับกลับมาแข็งแรงและเมตาบอลิซึมดีขึ้น จะทำให้ไขมันค่อย ๆ ลดลง และทำให้โรคไขมันพอกตับดีขึ้นได้แน่นอนว่า การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตก็เป็นจุดสำคัญเช่นกัน
*คุณสามารถคาดหวังผลดีนอกเหนือจากที่คาดไว้ด้วย เช่น อวัยวะอื่นที่อ่อนแอก็ทำงานดีขึ้นตาม เพราะว่าสเต็มเซลล์ 100 ล้านเซลล์ จะวิ่งผ่านหลอดเลือดกระจายไปทั่วร่างกาย
เราเห็นผู้ป่วยหลายท่านที่มีความสุขจากการรักษาด้วยสเต็มเซลล์ เพราะทำให้สามารถทำในสิ่งที่เคยทำไม่ได้มาก่อน เราหวังว่าการรักษานี้จะแพร่หลายมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อที่จะให้ความหวังใหม่แก่ผู้ป่วย
LICENSE
สถาบันการแพทย์ที่ได้รับการอนุมัติจากกระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการ
การรักษาความผิดปกติของตับ โดยใช้สเต็มเซลล์ที่ได้มาจากไขมันของผู้ป่วยเอง
คลินิกของเราเป็นหนึ่งในไม่กี่แห่งในญี่ปุ่น ที่มีเวชศาสตร์ฟื้นสภาพที่ล้ำสมัยสำหรับ “โรคตับ” “โรคตับแข็ง” “โรคไขมันพอกตับ” ฯลฯ โดยใช้สเต็มเซลล์ของผู้ป่วยเองในการรักษา และการฉีด PRP (พลาสม่าเกล็ดเลือดเข้มข้น) ภายในข้อ ภายใต้กฎหมายความปลอดภัยเวชศาสตร์ฟื้นสภาพ เวชศาสตร์ฟื้นสภาพ ต้องได้รับการตรวจสอบอย่างเข้มงวดโดยคณะกรรมการเวชศาสตร์ฟื้นสภาพที่ได้รับการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการ และหลังจากที่วิธีการรักษา ความปลอดภัย โครงสร้างบุคลากรทางการแพทย์ ฯลฯ ถูกพิจารณาว่าเหมาะสมแล้วเท่านั้น จึงจะยื่นแผนการรักษาไปยัง กระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการได้