การแนะนำตัวอย่างผู้ป่วยที่ข้อเข่า
จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเป็นโรคข้อเข่าผิดรูป?
กระดูกอ่อนที่เสื่อมสภาพและสึกหรอไป ไม่สามารถซ่อมแซมได้ด้วยตัวเอง
ช่วงเริ่มแรก
- ปวดเข่าตอนเริ่มเดิน หรือตอนลุกขึ้น
- ถ้าเดินนาน ๆ จะเจ็บเข่า แต่จะหายเมื่อได้พักผ่อน
ช่วงดำเนินโรค
- งอหรือยืดเข่าไม่ได้,
- นั่งขัดสมาธิไม่ได้
- ขึ้นลงบันไดลำบาก
- มีน้ำสะสมในข้อเข่า
ช่วงปลาย
- รู้สึกเจ็บปวดรุนแรง
- เดินลำบาก
- ขาผิดรูปจนขาโก่งหรือขาฉิ่ง ทำให้ไม่สามารถยืดขาได้
คุณรู้หรือไม่ว่าวิธีรักษาแบบเดิม มีข้อจำกัด?
หากวิธีการรักษาของคุณ คือการฉีดกรดไฮยาลูโรนิก การฉีดสเตียรอยด์ ยาแก้ปวด และการฟื้นฟูสมรรถภาพ นั่นเป็นการรักษาแบบดั้งเดิม
วิธีเหล่านั้น ไม่สามารถหยุดการดำเนินโรคได้ ถ้าเราถ่ายเอกซ์เรย์หลังผ่านไปหลายปี ก็จะพบว่ากระดูกอ่อนจะเกิดการสึกหรอ และมีการผิดรูปของข้อมากขึ้น เมื่ออาการมาถึงจุดนี้ จะไม่มีวิธีการรักษาอื่นนอกจากการผ่าตัดใส่ข้อเทียม
ห้ามละเลยอาการปวดเข่า อาการจะแย่ลง หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการรักษา
อย่างไรก็ตาม การผ่าตัดใหญ่ สร้างความเครียดกับร่างกายและจิตใจอย่างมากแม้ว่าจะเลือกการผ่าตัดเพื่อใส่ข้อเทียม ก็อาจไม่ได้เป็นการแก้ปัญหา เพราะว่าการผ่าตัดมีความเสี่ยงของมัน และถึงการผ่าตัดจะสำเร็จ ก็อาจไม่ได้บรรเทาอาการปวดอยู่ดี
ทำไมถึงอยากหลีกเลี่ยงการผ่าตัด?
กลัวการผ่าตัด, ไม่อยากทำ , รู้สึกกลัวการผ่าตัดเพราะมีความเสี่ยง , ไม่อยากใส่สิ่งแปลกปลอม เช่น โลหะ เข้าไปในร่างกาย , ไม่สามารถเข้ารับการผ่าตัดได้ เนื่องจากการเจ็บป่วยเรื้อรังหรือความชรา , ไม่สามารถเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลได้ เนื่องจากเหตุผลด้านการทำงานหรือครอบครัว , ข้อเข่าเทียม ต้องระวังการงอหรือเหยียดเข่า ทำให้มีผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน , ข้อเข่าเทียมมีอายุการใช้งานที่จำกัด และมีความเสี่ยงที่จะต้องได้รับการผ่าตัดซ้ำในอนาคต
ข่าวดี! ตัวเลือกใหม่ รับการรักษาด้านเวชศาสตร์
อาการปวดเข่าหายไป, รู้สึกดีขึ้น , กลับมาเดินได้ตามปกติแล้ว , การขึ้นลงบันไดไม่ลำบากอีกต่อไป , สามารถกลับมาเล่นกีฬาต่อได้ , หลีกเลี่ยงการผ่าตัดข้อเทียมไปได้
เราได้รับเสียงที่น่ายินดีมากมาย และคลินิกของเราก็ยินดีที่ได้ให้บริการด้านเวชศาสตร์ฟื้นสภาพเวชศาสตร์ฟื้นสภาพเป็นวิธีการรักษาแบบใหม่ จึงยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก อย่างไรก็ตาม นี่เป็นการรักษาที่ล้ำสมัยและกำลังได้รับความสนใจ และถูกนำมาใช้โดยนักกีฬาในยุโรปและอเมริกา สำหรับการรักษานั้น หลายคนก็น่าจะมีความรู้สึกไม่อยากรับการผ่าตัด หรือไม่สามารถรับการผ่าตัดได้เพราะความชราหรือโรคประจำตัว สำหรับท่านที่อยู่ในสถานการณืเช่นนั้น เราขอแนะนำเวชศาสตร์ฟื้นสภาพเป็นทางเลือกใหม่ให้ท่าน
จำนวนผู้ป่วยมากเป็นอันดับต้น ๆ ในญี่ปุ่น , เทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงสเต็มเซลล์ชั้นนำของญี่ป่น , เทคนิคการฉีดสเต็มเซลล์เฉพาะตัวชั้นนำของญี่ป่น , ตรวจร่างกายและดูแลโดยแพทย์ด้านเวชศาสตร์ฟื้นสภาพที่มีชื่อเสียงในญี่ปุ่น
เวชศาสตร์ฟื้นสภาพของคลินิกของเรา
กรุณาพิจารณาเวชศาสตร์ฟื้นสภาพเป็นทางเลือกหนึ่ง
เวชศาสตร์ฟื้นสภาพ ทำให้หลีกเลี่ยง
ดังนั้นเวชศาสตร์ฟื้นสภาพที่ใช้สเต็มเซลล์จากไขมัน เพื่อบรรเทาอาการข้อเข่าเสื่อม จึงเป็นวิธีการรักษาใหม่ที่ได้รับความสนใจ เพราะไม่ทำให้เกิดความเครียดต่อร่างกายมากนัก
ทำไมต้องเป็นเวชศาสตร์ฟื้นสภาพที่คลินิกเรา?
1. ยิ่งจำนวนสเต็มเซลล์มากเท่าไหร่ ยิ่งได้ผลการรักษาที่ดีเท่านั้น
・ทั่วไป: ประมาณ 10 ล้านเซลล์
・คลินิกของเรา: เราสามารถฉีดสเต็มเซลล์ตั้งแต่ 25 ถึง 100 ล้านเซลล์ขึ้นไป ขึ้นอยู่กับสภาพของข้อต่อ
เห็นได้ชัดจากภาพถ่ายยิ่งมีจำนวนสเต็มเซลล์มากเท่าไหร่ กระดูกอ่อนก็จะถูกสร้างใหม่มากขึ้นเท่านั้น!
การรักษาด้วยสเต็มเซลล์ทั่วไป มักจะมีการฉีดสเต็มเซลล์ประมาณ 10 ล้านเซลล์เข้าไปในข้อต่อคลินิกของเราสามารถให้สเต็มเซลล์มากกว่า 100 ล้านเซลล์ โดยขึ้นกับอาการป่วย
ข้อมูลทางคลินิกจากต่างประเทศพิสูจน์ว่ายิ่งใช้สเต็มเซลล์มากเท่าไหร่ ผลการรักษาก็จะยิ่งดีขึ้นเท่านั้น
ยิ่งจำนวนสเต็มเซลล์มากเท่าไหร่ ความเจ็บปวดก็จะน้อยลงเท่านั้น!
2. เทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงเซลล์ที่เป็นเอกลักษณ์
อัตราการรอดชีวิตของสเต็มเซลล์สูง เนื่องจากไม่มีการเก็บรักษาโดยการแช่แข็ง
เปรียบเทียบ CPC (ห้องแปรรูปเซลล์)
CPC ของคลินิกของเรา
CPC ของโรงพยาบาลอื่น
ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงของห้องแปรรูปเซลล์ชั้นนำของญี่ปุ่น เราจึงสามารถฉีดสเต็มเซลล์ที่มีชีวิตชีวาและไม่ได้ผ่านการแช่แข็งได้
ยิ่งสเต็มเซลล์มีชีวิตชีวามากเท่าไหร่ ผลการรักษาน่าก็จะดีขึ้นเท่านั้นนะเซลล์ที่สดใหม่และไม่ได้แช่แข็ง ต้องดีกว่าเซลล์ที่แช่แข็งอยู่แล้วใช่ไหม? !
ใช่แล้ว ยิ่งมีสเต็มเซลล์สดใหม่และมีชีวิตชีวามากเท่าไหร่ ผลการรักษาก็จะยิ่งดีขึ้นเท่านั้นสิ่งนี้ได้รับการพิสูจน์แล้วในผลการวิจัยจากต่างประเทศ
ที่คลินิกของเรา สามารถเพิ่มสเต็มเซลล์ที่มีชีวิตชีวาเหล่านี้ให้มีจำนวนมากกว่า 100 ล้านเซลล์ได้อีกด้วย
เทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงเซลล์ที่เป็นเอกลักษณ์ของคลินิกของเรา
- เนื่องจากเทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงดี จึงสามารถฉีดสเต็มเซลล์จำนวนมากได้
- ทำการเพาะเลี้ยงเซลล์ตามตารางการฉีด เพื่อสเต็มเซลล์ที่สดใหม่และมีชีวิตชีวา
- ใช้สเต็มเซลล์เฉพาะตัว ที่มีผลการรักษาที่ดี
- ไม่ใช้สเต็มเซลล์ทีี่แช่แข็งหลังการเพาะเลี้ยง และละลายแข็งก่อนการฉีด
- ปลอดภัยและวางใจได้ เพราะสเต็มเซลล์ถูกเพาะเลี้ยงจากเซลล์และเลือดของคุณเอง
- สเต็มเซลล์จะถูกสกัดจากเนื้อเยื่อไขมันขนาดเท่าเม็ดข้าว 2-3 เม็ด และนำไปเพาะเลี้ยง จึงไม่เกิดความเครียดต่อร่างกาย
- ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับผลข้างเคียง เพราะไม่มีการเติมสารเคมี สารเติมแต่ง หรือสิ่งเจือปนลงไปตอนเพาะเลี้ยง
ข้อควรทราบ เมื่อจะฉีดเซลล์หลายครั้ง
ดังนั้นจึงคาดหวังผลการรักษาที่สูงได้
3.ใช้สเต็มเซลล์ที่มีอยู่ในไขมัน เกิดความเครียดต่อร่างกายน้อยกว่าการเก็บจากไขกระดูกหรือเยื่อหุ้มข้อ
วิธีการเก็บเนื้อเยื่อที่คลินิกของเราสเต็มเซลล์จะถูกสกัดจากเนื้อเยื่อไขมันวิธีอื่น ๆ ก็จะมีวิธีการสกัดจากไขกระดูก, เยื่อหุ้มข้อ หรืออวัยวะภายใน แต่ละวิธี จะมีผลการรักษาและลักษณะเฉพาะที่แตกต่างกัน คลินิกของเราใช้สเต็มเซลล์จากไขมัน ซึ่งมีความปลอดภัยสูง และกำลังได้รับความสนใจจากทั่วโลก
ใช้สเต็มเซลล์จากไขมัน
- มีความปลอดภัยสูงในการเก็บเซลล์
- เกิดความเครียดต่อร่างกายน้อยกว่าสเต็มเซลล์จากไขกระดูก เยื่อหุ้มข้อ หรืออวัยวะภายใน
ขั้นตอนการรักษา
ขั้นตอนนี้จะใช้เวลาประมาณ 4-6 สัปดาห์
เวชศาสตร์ฟื้นสภาพอีกแบบหนึ่งการรักษาด้วย PRP (พลาสม่าเกล็ดเลือดเข้มข้น) คืออะไร?
คลินิกของเราจะใช้ Acti-PRP ความเข้มข้นสูง ซึ่งวิธีเฉพาะตัวในการทำให้เกล็ดเลือดใน PRP เข้มข้นขึ้น สิ่งนี้มีประสิทธิภาพมากกว่า PRP ทั่วไปหลายสิบเท่า กำลังเป็นที่ความสนใจในฐานะ PRP ที่ไม่มีสารป้องกันการแข็งตัวของเลือด
ขั้นตอนการรักษาด้วย PRP
การรักษาด้วยสเต็มเซลล์และการรักษา
ด้วย PRP แตกต่างกันอย่างไร?
การรักษาด้วย PRP
การรักษาด้วยสเต็มเซลล์
เกี่ยวกับโรคข้อเข่าผิดรูป
ภาพรวมและสาเหตุ
ความชรา โรคอ้วน การบาดเจ็บ ฮอร์โมนเพศหญิง การบาดเจ็บที่หมอนรองกระดูกข้อเข่า โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ การติดเชื้อ เป็นต้น
โรคข้อเข่าผิดรูป มักเกิดขึ้นหลังอายุ 40 ปี และมักพบในผู้หญิง โดยอัตราส่วนระหว่างชายต่อหญิงคือ 1:4 พื้นผิวของกระดูกเข่า จะถูกปกคลุมไปด้วยกระดูกอ่อน เมื่อคุณภาพของกระดูกอ่อนเสื่อมลงเนื่องจากอายุที่มากขึ้นหรือโรคอ้วน จะเกิดการสึกหรอของกระดูกอ่อน ทำให้เกิดอาการอักเสบและปวดข้อ สาเหตุอื่น ๆ ที่เป็นไปได้ ได้แก่ แรงกระทำภายนอก, การบาดเจ็บที่หมอนรองกระดูกข้อเข่า, ผลที่ตามมาจากข้ออักเสบจากการติดเชื้อ เป็นต้น
เรายังไม่ทราบแน่ชัดว่าทำไมโรคนี้จึงพบบ่อยในผู้หญิงวัยกลางคน แต่มีปัจจัยเสี่ยงที่ถูกกล่าวถึงบ่อย ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงของสมดุลฮอร์โมน (การลดลงของเอสโตรเจนหลังหมดประจำเดือน), ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อที่ลดลง และแนวโน้มการเป็นโรคอ้วน เราจะเรียกว่าโรคข้อเข่าผิดรูปปฐมภูมิ เมื่อไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด ส่วนที่มีสาเหตุแน่ชัดจะเรียกว่าโรคข้อเข่าผิดรูปทุติยภูมิ
เราหวังว่าเวชศาสตร์ฟื้นสภาพนี้ จะเป็นที่รู้จักทั่วโลกในฐานะการรักษาที่ทดแทนการผ่าตัด