การแนะนำตัวอย่างผู้ป่วยที่ข้อเข่า

กระดูกอ่อนที่เสื่อมสภาพและสึกหรอไปแล้วจะไม่สามารถซ่อมแซมได้ด้วยตัวเอง

จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเป็นโรคข้อสะโพกผิดรูป?

เกิดจากการที่กระดูกอ่อนบริเวณข้อสะโพกเกิดการสึกหรอจากเหตุบางประการ ทำให้เกิดการอักเสบ และเกิดอาการปวดเมื่อจะยืนและเดินที่บริเวณขาหนีบ ด้านหน้าของต้นขา และก้น หากข้อสะโพกผิดรูปมากขึ้น จะทำให้การเคลื่อนไหวของข้อต่อแย่ลง ทำให้มีอาการต่าง ๆ เช่น สวมถุงเท้ายาก นั่งคุกเข้าลำบาก ปวดตอนเวลานอน เป็นต้น

ถ้าโรคดำเนินยิ่งกว่านั้นอีก จะทำให้ความยาวขาสั้นลง และต้องเดินลากเท้า (Claudication) และกระดูกอ่อนที่เสื่อมสภาพและสึกหรอไป จะไม่สามารถซ่อมแซมตัวเองได้

ช่วงเริ่มแรก

ยังมีช่องว่างระหว่างข้อต่อ

ช่วงดำเนินโรค

ช่องว่างข้อต่อแคบลง

ช่วงปลาย

กระดูกผิดรูป

การรักษาด้วยสิทธิการรักษาทั่วไปมีขีดจำกัด

การรักษาข้อสะโพกนั้นจะไม่ค่อยมีคลินิกที่สามารถฉีดยาเข้าข้อสะโพกได้ ไม่เหมือนกับการฉีดยาเข้าข้อเข่าหรือข้อไหล่ โดยทั่วไปจึงมีแต่การรักษาเพื่อบรรเทาอาการปวด เช่น การให้ยาแก้ปวด การลดน้ำหนัก หรือการฟื้นฟูสมรรถภาพ แต่ก่อนผมก็เคยฉีดยาให้กับผู้ป่วยที่ทนความเจ็บปวดไม่ไหวเหมือนกัน แต่อาการปวดก็ไม่ได้ดีขึ้นเหมือนการรักษาข้อเข่าหรือข้อไหล่ ผมรู้สึกไร้พลังที่ทำอะไรให้ไม่ได้ต่อผู้ป่วยที่ทนมานกับความเจ็บปวดอยู่

แม้ว่าจะไม่มีอาการปวด แต่กระดูกอ่อนก็จะสึกหรอมากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างแน่นอน และทำให้ข้อสะโพกผิดรูปมากขึ้น โรคข้อสะโพกผิดรูปนี้ มีรูปแบบที่เรียกว่า Rapidly Destructive Coxarthrosis (RDC) ซึ่งเกิดการผิดรูปของข้อต่ออย่างรวดเร็วด้วย จึงต้องมีการตรวจด้วยเอ็กซ์เรย์อย่างสม่ำเสมอ

ถ้าปล่อยทิ้งไว้จะเกิดอะไรขึ้น?

หากการเสียรูปของข้อสะโพกดำเนินมากขึ้น จะทำให้เกิดข้อจำกัดอย่างมากในการเดินและการใช้ชีวิตประจำวัน พอเป็นแบบนั้นแล้ว การรักษาก็จะเลือกทำได้เฉพาะการผ่าตัด เช่น การผ่าตัดใส่ข้อเทียม เท่านั้น การผ่าตัดนี้จะเกิดความเครียดอย่างมากกับร่างกาย หากผู้ป่วยไม่อยากจะรับการผ่าตัด หรือไม่สามารถรับการผ่าตัดได้ ก็จะต้องเลือกรักษาตามอาการต่อไปในขณะที่ต้องทนทุกข์กับความเจ็บปวด ถ้าโรคทรุดหนักจนเดินไม่ได้ จะทำให้กำลังกายลดลงและกล้ามเนื้ออ่อนแรง และมีโอกาสสูงมากที่จะนั่งรถเข็นหรือนอนติดเตียงในเวลาต่อมา

อย่างไรก็ตาม การผ่าตัดครั้งใหญ่ก็ส่งผลให้เกิดความเครียดอย่างมากต่อร่างกายและจิตใจเช่นกัน นอกจากนี้ ถึงแม้ว่าจะรับการผ่าตัดใส่ข้อเทียมไป แต่ก็ยังมีโอกาสพอสมควรที่อาการเจ็บปวดจะไม่ดีขึ้นเท่าที่คิด ผมได้เห็นผู้ป่วยมากมายที่ลังเลและกังวลกับสถานการณ์ที่ลำบากเช่นนี้

ข่าวดี! ตัวเลือกใหม่ รับการรักษาด้านเวชศาสตร์

ฟื้นสภาพที่ญี่ปุ่น เพื่อหลีกเลี่ยงการผ่าตัด
ก่อนที่ผมจะได้พบกับเวชศาสตร์ฟื้นสภาพ สำหรับผู้ป่วยที่ข้อสะโพกผิดรูปมากขึ้นจนมีผลกระทบในการใช้ชีวิตประจำวัน ผมก็แนะนำการผ่าตัดใส่ข้อเทียมเช่นเดียวกับอาจารย์แพทย์ท่านอื่น ๆ เพราะว่านั่นก็คือทางเลือกเดียวที่เหลืออยู่

แต่ก็เป็นเรื่องปกติที่หลายคนจะคิดไม่อยากผ่าตัดเพราะว่า “การผ่าตัดมีความเสี่ยง จึงไม่อยากทำ” หรือ “ไม่สามารถเข้านอนโรงพยาบาลนาน ๆ ได้ เพราะมีหน้าที่การงานและครอบครัว” นอกจากนี้ คนที่ไม่สามารถทำการผ่าตัดได้ก็มี เช่น ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว หรือผู้สูงอายุ ดังนั้นที่คลินิกของเรา จึงมุ่งเน้นไปที่เวชศาสตร์ฟื้นสภาพ ซึ่งเป็นการรักษาแบบใหม่ที่ไม่ใช่ทั้งการรักษาตามอาการหรือการผ่าตัด

ผู้ป่วยหลายท่านที่ทรมานจากอาการเจ็บปวดที่ข้อสะโพก และผู้ป่วยที่ไม่ต้องการรับการผ่าตัด จะมาหาที่คลินิกของเราหลายต่อหลายคน เราได้พิจารณาว่าผู้ป่วยเหล่านั้นรักษาด้วยเวชศาสตร์ฟื้นสภาพได้หรือไม่ และทำการรักษาให้กับผู้ป่วยหลายราย

ถ้าผู้ป่วยได้รับการรักษาหลังจากที่ได้รู้จักความเป็นไปได้ใหม่ของเวชศาสตร์ฟื้นสภาพที่สามารถทดแทนการผ่าตัดข้อเทียม และทำให้ผู้ป่วยสามารถเคลื่อนไหวในชีวิตประจำวันได้มากขึ้น มีสิ่งที่ทำได้มากขึ้น และสามารถเพลิดเพลินกับการท่องเที่ยวและงานอดิเรก ผมก็รู้สึกดีใจอย่างมากในฐานะแพทย์ครับ

คำว่า “เวชศาสตร์ฟื้นสภาพ” เคยเป็นคำที่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก แต่ในปัจจุบันเริ่มมีชื่อเสียงมากขึ้นเรื่อย ๆ และเป็นวิธีการรักษาใหม่ล่าสุดที่ถูกคาดหวังอย่างมาก เพราะไม่ทำให้เกิดภาระต่อร่างกายมากนัก

เวชศาสตร์ฟื้นสภาพของคลินิกของเราสำหรับโรคข้อสะโพกผิดรูป เป็นอย่างไร?

ผู้ป่วยแบบนี้ รองรับการรักษาด้วยเวชศาสตร์ฟื้นสภาพ

ico-adapt01_1
ico-adapt02_1
ico-adapt03_1
ico-adapt04_1

เวชศาสตร์ฟื้นสภาพ

สามารถทำให้คุณหลีกเลี่ยงการผ่าตัดได้
เพียงแค่ฉีดสเต็มเซลล์เข้าไปในข้อสะโพก ก็จะเกิดการฟื้นสภาพกระดูกอ่อนที่สึกหรอและบรรเทาอาการปวด และเพิ่มโอกาสที่จะไม่ต้องรักษาด้วยการผ่าตัดได้ ถึงแม้ว่าในตอนนี้การผิดรูปจะอยู่ในระยะเริ่มแรก แต่การผิดรูปนี้จะค่อย ๆ ทรุดหนักลงอย่างแน่นอนเมื่อเวลาผ่านไป เวชศาสตร์ฟื้นสภาพ สามารถใช้ในการป้องกันการดำเนินโรคได้เช่นกัน

หากคุณได้รับการรักษาด้วยเวชศาสตร์ฟื้นสภาพก่อนที่การผิดรูปจะเข้าสู่ระยะปลาย คุณจะสามารถป้องกันการดำเนินโรคไม่ให้รุนแรงจนต้องผ่าตัดใส่ข้อเทียมได้ การผ่าตัดใส่ข้อเทียม มีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน เช่น ภาวะลิ่มเลือดอุดตัน การติดเชื้อ ภาวะเลือดออก และความเสียหายทางระบบประสาท ในทางกลับกัน เวชศาสตร์ฟื้นสภาพที่ใช้สเต็มเซลล์จากไขมันของผู้ป่วยเอง สำหรับการบรรเทาอาการโรคข้อสะโพกผิดรูป เป็นการรักษาที่มีรายงานการรักษาและผลงานมากมายทั่วโลก และเป็นวิธีการรักษาใหม่ล่าสุดที่ได้รับความสนใจอย่างมากจากในประเทศด้วย

ทำไมต้องเป็นเวชศาสตร์ฟื้นสภาพที่คลินิกเรา?

1. การฉีดเซลล์เฉพาะที่ภายในข้อต่อ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของคลินิกเรา

เทคโนโลยีการรักษาความแม่นยำสูงที่จำเป็นสำหรับเวชศาสตร์ฟื้นสภาพข้อสะโพก

ข้อสะโพกเป็นข้อต่อที่ใหญ่ที่สุดในร่างกายต่างจากข้อเข่า และจำนวนของสเต็มเซลล์สำคัญมากสำหรับการรักษาในส่วนนี้ นอกจากนี้ สเต็มเซลล์ต้องมีอัตราการอยู่รอดสูงและคุณภาพดี ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถคาดหวังผลการรักษาที่ดีได้ เนื่องจากช่องว่างของข้อสะโพกจะแคบกว่าข้อเข่าตามหลักกายวิภาค มันจึงเป็นโครงสร้างที่ฉีดสเต็มเซลล์เข้าไปยาก
เนื่องจากการรักษานี้ต้องการสเต็มเซลล์ที่ทั้งคุณภาพและปริมาณสูง บวกกับการฉีดสเต็มเซลล์เข้าข้อสะโพกด้วยเข็มฉีดยาปกตินั้นยากมาก ด้วยเหตุเหล่านี้ การรักษาข้อสะโพกด้วยเวชศาสตร์ฟื้นสภาพ จึงเป็นการรักษาที่แทบจะไม่มีที่ไหนทำในประเทศญี่ปุ่น

การรักษาที่ส่งสเต็มเซลล์เข้าข้อสะโพกโดยตรงเพราะเป็นคลินิกเราจึงทำได้

คลินิกของเราให้ความสำคัญกับ “คุณภาพและปริมาณของสเต็มเซลล์” และ “การส่งสเต็มเซลล์เข้าข้อสะโพกอย่างแม่นยำ” เราใช้เครื่องอัลตร้าซาวด์ เอ็กซ์เรย์ และเข็มฉีดยาที่พิเศษในการฉีดสเต็มเซลล์เข้าข้อสะโพกโดยตรง

คลินิกของเราร่วมมือกับห้องแปรรูปเซลล์ชั้นนำของประเทศในด้านคุณภาพและปริมาณของสเต็มเซลล์ และมีผลงานการรักษาข้อสะโพกด้วยสเต็มเซลล์มากมาย ซึ่งถือว่าเป็นโรคที่รักษายากในประเทศญี่ปุ่น

เราจะใช้เข็มฉีดยาที่พิเศษ เครื่องอัลตร้าซาวด์ และเครื่องเอ็กซ์เรย์ที่พิเศษ ในการตรวจสภาพกระดูกอ่อนที่สึกหรอในข้อสะโพกอย่างละเอียด และฉีดสเต็มเซลล์เข้าไปโดยตรง สเต็มเซลล์จะถูกฉีดเข้าไปในบริเวณสีชมพูของแผนภาพ เพื่อสร้างกระดูกอ่อนใหม่

การฉีดเซลล์เข้าข้อสะโพกทั่วไป

ข้อสะโพกจะมีเยื้อหุ้มข้อต่อหุ้มรอบ ๆ ข้อไว้อยู่ ในการฉีดเซลล์เข้าข้อสะโพกทั่วไป จะสอดเข็มที่บริเวณด้านนอกของข้อต่อ เหตุผลเพราะว่าในเชิงหัตถการแล้ว ส่วนนี้จะทำการฉีดเซลล์ง่ายกว่า อย่างไรก็ตาม ในโรคข้อสะโพกผิดรูปจะมีช่องว่างระหว่างข้อต่อน้อย ทำให้สเต็มเซลล์ที่ถูกฉีดเข้าจากบริเวณนี้ไปถึงภายในข้อต่อยาก นอกจากนี้ ด้วยแรงโน้มถ่วงจะทำให้สเต็มเซลล์สะสมอยู่ที่ด้านล่างของเยื้อหุ้มข้อต่อ (บริเวณสีชมพูในแผนภาพ) ทำให้การเข้าถึงของสเต็มเซลล์ภายในข้อต่อยากขึ้นอีก

2. ยิ่งจำนวนสเต็มเซลล์มากเท่าไหร่ ยิ่งได้ผลการรักษาที่ดีเท่านั้น

จำนวนสเต็มเซลล์ที่ฉีด ทั่วไป: ประมาณ 10 ล้านเซลล์ คลินิกของเรา: เราสามารถฉีดสเต็มเซลล์ตั้งแต่ 25 ถึง 100 ล้านเซลล์ขึ้นไป ขึ้นอยู่กับสภาพของข้อต่อ

ดูจากภาพจะเห็นได้ชัดเลยว่า ยิ่งมีการฉีดสเต็มเซลล์จำนวนมากเท่าไหร่ ก็จะมีการสร้างกระดูกอ่อนใหม่มากขึ้นเท่านั้น!

จำนวนสเต็มเซลล์ที่ฉีดเข้าไปในข้อต่อ โดยทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 10 ล้านเซลล์ แต่ว่าที่คลินิกของเรา เราสามารถฉีดสเต็มเซลล์สดใหม่ที่ไม่ได้แช่แข็งได้มากกว่า 100 ล้านเซลล์ โดยขึ้นอยู่กับอาการของผู้ป่วยเลยล่ะ

ข้อมูลทางคลินิกจากต่างประเทศพิสูจน์ว่ายิ่งใช้สเต็มเซลล์มากเท่าไหร่ ผลการรักษาก็จะยิ่งดีขึ้นเท่านั้น

ยิ่งจำนวนสเต็มเซลล์มากเท่าไหร่ ความเจ็บปวดก็จะน้อยลงเท่านั้น!

3.เทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงเซลล์ที่เป็นเอกลักษณ์

อัตราการรอดชีวิตของสเต็มเซลล์สูง เนื่องจากไม่มีการเก็บรักษาโดยการแช่แข็ง

เปรียบเทียบ CPC (ห้องแปรรูปเซลล์)

CPC ของคลินิกของเรา

CPC ของโรงพยาบาลอื่น

การใช้ CPC (ห้องแปรรูปเซลล์) ชั้นนำของญี่ปุ่น ทำให้เราสามารถจัดเก็บเซลล์โดยไม่ต้องแช่แข็งได้แล้ว

ยิ่งใช้สเต็มเซลล์ที่สดใหม่มากเท่าไหร่ การซ่อมแซมก็น่าจะยิ่งเร็วขึ้นเท่านั้นสินะ รู้สึกว่ามันคล้ายกับรสชาติปลาทูน่าดิบที่ไม่ได้แช่แข็ง จะอร่อยกว่าปลาทูน่าที่นำมาละลายแข็งสินะ!!

ที่จริงแล้ว ยิ่งมีสเต็มเซลล์ที่สดใหม่จำนวนมากเท่าไหร่ ผลการรักษาก็จะยิ่งดีขึ้นเท่านั้นนะ สิ่งนี้ได้รับการพิสูจน์แล้วในผลการวิจัยจากต่างประเทศ

นอกจากนี้ คลินิกของเรายังสามารถเพิ่มจำนวนสเต็มเซลล์ที่สดใหม่ให้เป็นมากกว่า 100 ล้านเซลล์อีกด้วย

ลักษณะเด่นอื่น ๆ ของเทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงเซลล์ที่เป็นเอกลักษณ์

null
  • ปลอดภัยและไว้ใจได้ เพราะสเต็มเซลล์ถูกเพาะเลี้ยงจากเซลล์และเลือดของผู้ป่วยเอง
  • เนื่องจากไม่มีสิ่งเจือปนใด ๆ เช่น สารเติมแต่งหรือยา จึงมีความเสี่ยงต่อผลข้างเคียงน้อย
  • ปริมาณไขมันที่ต้องเก็บมาน้อยมาก ประมาณ 2-3 เม็ด ขนาดเท่าเม็ดข้าว จึงเกิดความเครียดต่อร่างกายน้อย

ข้อควรทราบ เมื่อจะฉีดเซลล์หลายครั้ง

การเพาะเลี้ยงเซลล์ตับไม่ได้ใช้การเพาะเลี้ยงล่วงหน้าแล้วแช่แข็ง แต่ที่คลินิกของเราจะเพาะเลี้ยงทุกครั้งก่อนการฉีด จึงมีจำนวนสเต็มเซลล์มาก และสามารถฉีดสเต็มเซลล์ที่สดใหม่ได้!
ดังนั้นจึงคาดหวังผลการรักษาที่สูงได้

4.ใช้สเต็มเซลล์ที่มีอยู่ในไขมัน เกิดความเครียดต่อร่างกายน้อยกว่าการเก็บจากไขกระดูกหรือเยื่อหุ้มข้อ

วิธีการเก็บเนื้อเยื่อที่คลินิกของเรา สเต็มเซลล์จะถูกสกัดจากเนื้อเยื่อไขมัน วิธีอื่น ๆ ก็จะมีวิธีการสกัดจากไขกระดูก, เยื่อหุ้มข้อ หรืออวัยวะภายใน แต่ละวิธี จะมีผลการรักษาและลักษณะเฉพาะที่แตกต่างกัน คลินิกของเราใช้สเต็มเซลล์จากไขมัน ซึ่งมีความปลอดภัยสูง และกำลังได้รับความสนใจจากทั่วโลก

ใช้สเต็มเซลล์จากไขมัน

  • มีความปลอดภัยสูงในการเก็บเซลล์
  • เกิดความเครียดต่อร่างกายน้อยกว่าสเต็มเซลล์จากไขกระดูก เยื่อหุ้มข้อ หรืออวัยวะภายใน

ขั้นตอนการรักษา

เราจะฉีดยาชาเฉพาะที่บริเวณท้องส่วนล่าง และกรีดเปิดประมาณ 5 มม. เพื่อเก็บไขมันมาประมาณ 2-3 เม็ด ขนาดเท่าเม็ดข้าว ขั้นตอนนี้ใช้เวลาประมาณ 20 นาที และแทบไม่รู้สึกเจ็บปวดเลย

เพาะเลี้ยงเซลล์ใน CPC (ห้องแปรรูปเซลล์)
ขั้นตอนนี้จะใช้เวลาประมาณ 4-6 สัปดาห์

สเต็มเซลล์ของคุณที่เพาะเลี้ยงจะถูกฉีดเข้าไปในข้อเข่า

เวชศาสตร์ฟื้นสภาพอีกแบบหนึ่งการรักษาด้วย PRP (พลาสม่าเกล็ดเลือดเข้มข้น) คืออะไร?

การรักษาด้วย PRP (พลาสม่าเกล็ดเลือดเข้มข้น) เป็นวิธีการรักษาที่ใช้เลือดของคุณเอง เมื่อมีบาดแผลเกิดขึ้นบนร่างกาย เกล็ดเลือดในเลือดจะทำหน้าที่ห้ามเลือดและซ่อมแซมบาดแผล PRP ได้มาจากการสกัดเฉพาะส่วนที่มีเกล็ดเลือดเป็นปริมาณมากเราสามารถใช้การทำงานของมัน ในการระงับอาการปวดและการอักเสบที่ข้อเข่าคลินิกของเราใช้ APS และ Acti-PRP ที่มีความเข้มข้นสูง

คลินิกของเราจะใช้ Acti-PRP ความเข้มข้นสูง ซึ่งวิธีเฉพาะตัวในการทำให้เกล็ดเลือดใน PRP เข้มข้นขึ้น สิ่งนี้มีประสิทธิภาพมากกว่า PRP ทั่วไปหลายสิบเท่า กำลังเป็นที่ความสนใจในฐานะ PRP ที่ไม่มีสารป้องกันการแข็งตัวของเลือด

ขั้นตอนการรักษา

ทำการเจาะเลือด

ปั่นแยกส่วนของพลาสมาออกมา

ฉีดเข้าไปในบริเวณที่มีพยาธิสภาพ

การรักษาด้วยสเต็มเซลล์และการรักษา

ด้วย PRP แตกต่างกันอย่างไร?

เวชศาสตร์ฟื้นสภาพที่ใช้สเต็มเซลล์ สามารถซ่อมแซมและฟื้นสภาพกระดูกอ่อนที่สึกหรอได้ เพราะสเต็มเซลล์จะเปลี่ยนไปเป็นกระดูกอ่อน แต่ว่าใน PRP จะไม่มีองค์ประกอบของสเต็มเซลล์ จึงไม่สามารถจะสร้างกระดูกอ่อนที่สึกหรอขึ้นมาใหม่ได้ PRP จะมีผลในการยับยั้งการอักเสบเท่านั้น เหมือนกับการฉีดกรดไฮยาลูโรนิก

การรักษาด้วย PRP

PRP ยับยั้งการอักเสบของข้อเข่า เพิ่มประสิทธิภาพในการฝังตัวของสเต็มเซลล์

→เนื่องจากไม่มีสเต็มเซลล์ จึงไม่สามารถสร้างกระดูกอ่อนได้

การรักษาด้วยสเต็มเซลล์

นำสเต็มเซลล์ออกมาจากร่างกาย (เซลล์ไขมัน) ทำไปเพาะเลี้ยง และฉีดเข้าไปในข้อเข่า

→สเต็มเซลล์จะสร้างกระดูกอ่อน

ที่คลินิกของเรา เราได้ฉีดสเต็มเซลล์จากไขมันให้กับผู้ป่วยที่มีอาการปวดข้อสะโพก และผู้ป่วยโรคข้อสะโพกผิดรูป ผู้ป่วยหลายคนได้รู้จักคลินิกเราตอนที่ลังเลว่าจะรับการผ่าตัดที่เป็นภาระหนักต่อร่างกายดีหรือไม่ และมารับการรักษาทางเวชศาสตร์ฟื้นสภาพที่ใหม่ล่าสุดแทน

ผมหวังว่าในอนาคต การรักษาด้วยเวชศาสตร์ฟื้นสภาพจะแพร่หลายมากกว่านี้ ในฐานะการรักษาที่ทดแทนการผ่าตัด

LICENSE

สถาบันการแพทย์ที่ได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการ

อนุมัติแผนการให้การรักษาเวชศาสตร์ฟื้นสภาพประเภท 2/3 แล้ว
รีแพร์เซลล์คลินิก ได้รับการอนุญาตจากรัฐบาลญี่ปุ่น (กระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการ) ในการให้บริการเวชศาสตร์ฟื้นสภาพ

การรักษาอาการข้อต่อผิดรูป โดยใช้สเต็มเซลล์ที่ได้มาจากไขมันของผู้ป่วยเอง

การรักษาอาการข้อต่อผิดรูป โดยใช้พลาสม่าเกล็ดเลือดเข้มข้น (PRP)

รีแพร์เซลล์คลินิกเป็นหนึ่งในไม่กี่แห่งในญี่ปุ่น ที่มีเวชศาสตร์ฟื้นสภาพที่ล้ำสมัยสำหรับ “โรคข้อเข่าผิดรูป” “โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์” ฯลฯ โดยใช้สเต็มเซลล์ของผู้ป่วยเองในการรักษา และการฉีด PRP (พลาสม่าเกล็ดเลือดเข้มข้น) ภายในข้อ ภายใต้กฎหมายความปลอดภัยเวชศาสตร์ฟื้นสภาพ เวชศาสตร์ฟื้นสภาพ ต้องได้รับการตรวจสอบอย่างเข้มงวดโดยคณะกรรมการเวชศาสตร์ฟื้นสภาพที่ได้รับการรับรองจากรัฐบาลญี่ปุ่น (กระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการ) และหลังจากที่วิธีการรักษา ความปลอดภัย โครงสร้างบุคลากรทางการแพทย์ ฯลฯ ถูกพิจารณาว่าเหมาะสมแล้วเท่านั้น จึงจะให้บริการการรักษาได้ ที่นี่เป็นคลินิกพิเศษ ที่ให้บริการเวชศาสตร์ฟื้นสภาพ